Press 300666

 

กรมสุขภาพจิตชี้ การด่วนสรุปสาเหตุการฆ่าตัวตายในลักษณะตำหนิ เปรียบเสมือนการพิพากษาคนจากข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน การเผยแพร่ในสื่อออนไลน์จะยิ่งเพิ่มความเกลียดชังกันในสังคม

วันนี้ (30 มิถุนายน 2566) กรมสุขภาพจิต แสดงความห่วงใยสถานการณ์สุขภาพจิตประชาชนจากการนำเสนอข่าวฆ่าตัวตายในช่องทางสื่อต่างๆ โดยส่วนที่อาจมีปัญหาได้มากในระยะนี้ คือเนื้อหาที่วิพากษ์รุนแรงและด่วนสรุปในเชิงลบต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลักดันสู่การฆ่าตัวตาย การสื่อสารเช่นนี้จะกระตุ้นอารมณ์และเกิดความคิดเชิงลบแก่กันของคนในสังคมได้อย่างรวดเร็ว หากขาดสติ ไม่ใคร่ครวญทบทวนข้อมูลและนำไปวิจารณ์ลงความเห็นกันในวงกว้าง ก็เปรียบเสมือนข้อมูลได้พิพากษาบุคคลนั้น จนส่งผลกระทบต่อความไว้วางใจกันและการอยู่ร่วมกันในสังคม

แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากสถานการณ์ความกดดันในสังคมที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีการฆ่าตัวตายเพิ่มมากขึ้น โดยปี 2565 มีอัตราสูงที่สุดในรอบห้าปีที่ผ่านมา ซึ่งจากสถิติใบมรณบัตร กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข พบว่าอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จเพิ่มขึ้นจากปี 2565 อยู่ที่ 7.97 ต่อ 1 แสนประชากร  เพิ่มขึ้นชัดเจนจากปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ 7.38 ต่อ 1 แสนประชากร ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า ในระยะหลัง มักมีการนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตายอย่างกว้างขวางในสื่อออนไลน์พร้อมมีการวิจารณ์หรือด่วนสรุปสาเหตุและตำหนิผู้ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในรูปแบบของ Hate speech มากขึ้น ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เพราะในความเป็นจริงนั้น การฆ่าตัวตายเป็นเรื่องใหญ่และมักมีหลายเหตุปัจจัยเกี่ยวข้อง การสรุปหรือด่วนกล่าวโทษสิ่งที่อาจเป็นเพียง “ฟางเส้นสุดท้าย” สามารถนำไปสู่ปัญหาสร้างความเกลียดชัง ความก้าวร้าวหรือแม้แต่ความกดดันจากความรู้สึกผิดและการสูญเสียอื่นๆที่มากขึ้นในทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเป็นการพิพากษาหรือตำหนิรุนแรงในสื่อออนไลน์ ทุกคนจึงต้องมีสติ ตระหนักถึงบทบาทและหน้าที่ในการช่วยกันดูแลสังคมด้วยการแสดงออกที่เหมาะสม

แพทย์หญิงบุญศิริ จันศิริมงคล ผู้อำนวยการสำนักความรอบรู้สุขภาพจิต กล่าวว่า การช่วยเหลือผู้มีความเสี่ยงหรือกำลังเผชิญปัญหาวิกฤตชีวิต สามารถให้ความช่วยเหลือแนะนำรับบริการดูแลรับฟังความทุกข์ใจทางสายด่วนสุขภาพจิต 1323 เพื่อช่วยชะลอทบทวนการตัดสินใจแก้ไขปัญหาต่างๆได้ ซึ่งมีการบริการเพิ่มเติมบนแอพพลิเคชันไลน์อีกด้วยเพื่อให้การปรึกษาเบื้องต้นได้สะดวกขึ้น กรมสุขภาพจิตยัง สนับสนุน Sati App แอพพลิเคชันแพลตฟอร์มที่สามารถเข้าถึงผู้ต้องการพื้นที่เพื่อพูดคุยเพื่อระบายความทุกข์โศกด้วยอาสาสมัครที่เป็นผู้ฟังด้วยหัวใจผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ทั้งนี้หากเราช่วยให้ผู้คนจำนวนมากได้เข้าใจและรู้เท่าทันอารมณ์ ความคิดตนเองมากขึ้น จะสามารถดูแลตัวเราเองและคนรอบข้างได้ดียิ่งขึ้น กรมสุขภาพจิตยังมีช่องทางการติดต่อต่างๆในการเฝ้าสังเกตและช่วยเหลือกลุ่มเสี่ยงทำร้ายตนเองได้แก่ ทีมปฏิบัติการพิเศษป้องกันการฆ่าตัวตาย (HOPE Taskforce) ที่จะคอยทำหน้าที่เฝ้าสังเกตกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทำร้ายตนเองบนโซเชียลมีเดียและจัดให้มีการติดต่อผู้เชี่ยวชาญให้ปรึกษาและรับส่งต่ออีกด้วย

กรมสุขภาพจิต ขอให้ประชาชนเห็นใจ รับฟังข่าวสารด้วยสติ ร่วมดูแลสังคมด้วยการแสดงออกต่อกันอย่างเหมาะสม และหมั่นสำรวจสุขภาพใจด้วยตนเองผ่านช่องทางไลน์คิวอาร์โคด Mental Health Check In (MHCI) เพื่อรู้เท่าทันสัญญาณความเสี่ยงภาวะสุขภาพจิตได้ พร้อมรับคำแนะนำการสื่อสารเชิงบวก ลดความไม่พอใจและการแสดงความเห็นรุนแรง และปลอบปะโลมสังคมให้ผาสุขได้

     ไม่ด่วนตำหนิ  ไม่พิพากษากัน ไม่เพิ่มความเกลียดชังในสังคม

     ********************  (30 มิถุนายน 2566)