Press ข่าววันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564
- วันเผยแพร่
- ฮิต: 1029
กระทรวงสาธารณสุข บูรณาการความร่วมมือร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย พร้อมส่งต่อ วัคซีนใจ ฉีดได้ไม่ต้องรอ ขยายผลจาก 1,120 ชุมชน ครบทุกตำบล
วันนี้ (11 กุมภาพันธ์ 2564) กระทรวงสาธารณสุข และ กระทรวงมหาดไทย ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบูรณาการเสริมสร้างวัคซีนใจในชุมชนไปใช้ดูแลใจประชาชนทั่วทั้งประเทศ พร้อมเน้นย้ำ “วัคซีนใจฉีดได้เลยไม่ต้องรอ” ตั้งเป้าหมายให้ประชาชนได้รับ การส่งเสริมสุขภาพจิตทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน มีความเข้มแข็งทางใจในการเผชิญหน้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 และสามารถก้าวข้ามวิกฤตในครั้งนี้ไปได้
ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วโลกทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพกายและสุขภาพจิต ในขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขเร่งมาตรการควบคุมโรค จัดหาวัคซีนเพื่อลดการติดเชื้อและลดความสูญเสียต่อชีวิตคนไทย การดูแลสุขภาพจิตของประชาชนก็เป็นอีกเรื่องที่มีความสำคัญและไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง การเสริมสร้างวัคซีนใจให้กับประชาชนให้เกิดภูมิคุ้มกันทางใจ จึงเป็นนโยบายสำคัญที่ต้องดำเนินงานอย่างเร่งด่วน และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจ จากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกระทรวงมหาดไทย มาร่วมกันเสริมสร้างวัคซีนใจในชุมชนครอบคลุมพื้นที่ทุกตำบลให้เกิดมีภูมิคุ้มกันทางใจเพื่อพี่น้องประชาชนไทย สุขภาพร่างกายแข็งแรงและมีความเข้มแข็งด้านจิตใจ
นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การเสริมสร้างวัคซีนใจเป็นการเสริมภูมิคุ้มกันทางใจให้กับประชาชน เพราะการแพร่ระบาดในครั้งนี้ส่งผลให้คนมีความเครียด มีความกังวล มีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง หลายคน มีภาวะซึมเศร้าและจำเป็นต้องได้รับการดูแลทางจิตใจ ดังนั้นหัวใจของการดำเนินงานสุขภาพจิตภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดจึงไม่ได้อยู่ที่ การให้การบำบัดรักษาผู้ที่เจ็บป่วยทางจิตเพียงอย่างเดียว แต่ต้องทำงานเชิงรุกโดยการเสริมสร้างให้ประชาชนมีสุขภาพจิตที่ดี มีวิธีในการจัดการจิตใจ อารมณ์ของตนเองและคนรอบข้างที่เหมาะสม ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต ลดโอกาสในการเจ็บป่วยทางจิตที่รุนแรง
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่กระทรวงมหาดไทยได้เข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการสร้างเสริมวัคซีนใจให้กับประชาชน การที่ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญและร่วมกันดูแลจิตใจประชาชน โดยเฉพาะฟากของปกครองและท้องถิ่น ทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเหล่านี้ ซึ่งมีความใกล้ชิดและเข้าใจประชาชนในชุมชนเป็นอย่างดี จะเป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานร่วมกับบุคลากรทางสาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านในการดูแลจิตใจประชาชนได้ทั่วถึง ทั้งประเทศ
แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การเสริมสร้างวัคซีนใจเป็นเครื่องมือที่จะช่วยดูแลและเยียวยาจิตใจให้กับประชาชนเพราะ “วัคซีนใจฉีดได้เลยไม่ต้องรอ” ทั้งนี้วัคซีนใจนั้น สามารถฉีดได้ใน 3 ระดับตั้งแต่ ระดับบุคคล ระดับครอบครัวและระดับชุมชน โดยวัคซีนใจในระดับบุคคลหรือการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางใจให้เกิดขึ้นในระดับบุคคล ด้วย หลัก “อึด ฮึด สู้” เพื่อให้ประชาชนมีกำลังใจที่เพียงพอในการเผชิญปัญหา พร้อมทั้งมองหาโอกาสในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ไปได้ วัคซีนใจในระดับครอบครัว มุ่งเน้นให้สมาชิกในครอบครัวมีพลังฟันฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน ด้วย “3 พลัง” ได้แก่ พลังบวก พลังยืดหยุ่น และพลังร่วมมือ ขณะที่วัคซีนใจในระดับชุมชน ถือเป็นมาตรการสำคัญที่ส่งเสริมให้คนในชุมชนดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกันผ่านหลักการ “4 สร้าง 2 ใช้” คือการใช้ศักยภาพที่มีในชุมชนร่วมกับใช้สายสัมพันธ์ที่ดีของสมาชิกในชุมชนมาร่วมกันสร้างให้เกิดความรู้สึกปลอดภัย รู้สึกสงบ รู้สึกมีความหวัง เข้าใจและให้โอกาสกันและกัน โดยกรมสุขภาพจิต ได้กำหนดเรื่องการเสริมสร้างวัคซีนใจนี้เป็นนโยบายสำคัญของทุกหน่วยงานในสังกัดและมีแผนจะบูรณาการความร่วมมือและฉีดวัคซีนใจ ทั้ง 3 ระดับให้กับประชาชนครอบคลุมทุกชุมชนอีกด้วย
กรมสุขภาพจิตจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน รวมถึงแกนนำชุมชนทุกแห่งมาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของการฉีดวัคซีนใจให้กัน เพื่อเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ที่ใกล้จะถึงนี้ ให้ทุกคนมีสุขภาพจิตที่ดี มีภูมิคุ้มกันทางใจและสามารถก้าวข้ามวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน
***************************************** 11 กุมภาพันธ์ 2564