Press ข่าววันที่ 19 กันยายน 2567
- วันเผยแพร่
- ฮิต: 267
กรมสุขภาพจิต ส่ง MCATT ลงพื้นที่เยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
วานนี้ (18 กันยายน 2567) นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต มอบหมายให้ นายแพทย์จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต และ นายแพทย์โกศล วราอัศวปติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ พร้อมทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team : ทีม MCATT) ร่วมลงพื้นที่ช่วยเหลือเยียวยาจิตใจ มอบถุงยังชีพและยารักษาโรคให้แก่ประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่บ้านปากอูน หมู่ที่ 4 ตำบลศรีสงคราม อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เพื่อเยี่ยมเสริมพลังใจสำหรับผู้ป่วย ญาติ และประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่
นายแพทย์จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากสถาณการณ์อุทกภัยประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่บ้านปากอูน หมู่ที่ 4 ตำบลศรีสงคราม อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เพื่อเยี่ยมเสริมพลังใจสำหรับผู้ป่วย ญาติ และประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ จำนวน 40 ราย เป็นผู้ป่วยติดเตียง 2 ราย ผู้พิการ 3 ราย ซึ่งได้รับการดูแลโดยโรงพยาบาลศรีสงครามอย่างใกล้ชิด และมีผู้สูงอายุ 8 ราย ในจำนวนนี้พบว่ามีภาวะเครียดเล็กน้อยถึงปานกลาง 11 ราย และมีภาวะซึมเศร้า 1 ราย ทางทีมจึงได้มีการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการความเครียดเบื้องต้น รวมทั้งพูดคุยให้กำลังใจเพื่อให้ผ่อนคลายความวิตกกังวล พร้อมทั้งประสาน ทีม MCATT ในพื้นที่ติดตามและดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับความร่วมมือจาก โรงพยาบาลศรีสงคราม สำนักงานสาธารณสุขอำเภอศรีสงคราม รพ.สต.ท่าบ่อ รพ.สต.ปากยาม และเจ้าหน้าที่ อสม. เพื่อเข้าช่วยเหลือให้ครอบคลุมทุกมิติตามความต้องการขั้นพื้นฐานของประชาชน ให้ได้รับการดูแลทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ โดยเฉพาะผู้ได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจตั้งเป้าว่าจะต้องได้รับการดุแลจิตใจทันที เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต
ในระยะยาว ทั้งนี้ กลุ่มผู้ป่วยจิตเวชเดิม ต้องได้รับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้ขาดยา ป้องกันอาการทางจิตที่จะกำเริบได้
นายแพทย์โกศล วราอัศวปติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ กล่าวต่อว่า กรมสุขภาพจิตได้มีการจัดทำแผนการดำเนินงานไว้สี่ระยะ 1. ระยะเตรียมการ มีการเปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน พร้อมจัดตั้งทีมเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติการ และมีการบริหารทีมโลจิสติกส์เพื่อเตรียมถุงยังชีพยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็น พร้อมสนับสนุนทีมเยียวยาจิตใจของพื้นที่ในการรับมือและดูแลจิตใจเบื้องต้น 2. ระยะวิกฤตและฉุกเฉิน (ตั้งแต่เกิดเหตุ -2 สัปดาห์) จัดทีมในระดับจังหวัดและระดับอำเภอ เพื่อร่วมคัดกรองและสำรวจภาวะความเครียดของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ การปฐมพยาบาลทางใจ (Psychological First Aid : PFA) การดูแลสุขภาพจิตตามระดับความเสี่ยงในการประสบเหตุการณ์วิกฤต การเฝ้าระวังผู้ป่วยจิตเวชไม่ให้ขาดยา และจัดส่งยาในพื้นที่ภัยพิบัติ รวมทั้งการสื่อสารเพื่อสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพจิตให้กับประชาชนเพื่อให้เกิดตระหนักแต่ไม่ตระหนก 3. ระยะหลังได้รับผลกระทบ (2 สัปดาห์ - 3 เดือน) จะเป็นการติดตามกลุ่มเสี่ยงเดิมจากระยะวิกฤตฉุกเฉิน การประเมินสุขภาพจิตซ้ำในรายเก่า และค้นหากลุ่มเสี่ยงรายใหม่ที่อาจเกิดปัญหาสุขภาพจิตภายหลัง และการเยียวยาจิตใจกลุ่มเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตในระยะกลาง - ยาว โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยเหลือ 4. ระยะฟื้นฟู (หลังเกิดเหตุการณ์ 3 เดือน) โดยในระยะนี้จะเป็นการติดตามประเมินกลุ่มเสี่ยงเดิมจนหมดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิต การเฝ้าระวังโรคเครียดภายหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (PTSD) รวมทั้งการส่งเสริมความเข้มแข็งทางใจ และวัคซีนใจชุมชน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ควรติดตามข่าวสารอย่างเหมาะสมจากสื่อหรือหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ อาทิ สถานีโทรทัศน์ส่วนกลาง หรือ เพจเฟสบุ๊คของจังหวัด/อำเภอ หรือป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ เน้นย้ำ ผู้ป่วยเดิมควรต้องสำรองยาไว้ติดตัวเสมอ เพื่อป้องกันการขาดยา สังเกตอาการผิดปกติ หากต้องการขอความช่วยเหลือ แจ้งได้ที่ สายด่วน ปภ. (ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) โทร.1784 หรือ 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง
****************** (19 กันยายน 2567)