Press ข่าววันนี้ 17 ตุลาคม 2568
- วันเผยแพร่
- ฮิต: 160
กรมสุขภาพจิต แนะพ่อแม่สังเกตพฤติกรรมลูกช่วงปิดเทอม ชี้ร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว
วันนี้ (17 ตุลาคม 2568) กรมสุขภาพจิต แนะผู้ปกครองใช้ช่วงปิดเทอมของเด็กและเยาวชนเป็นโอกาสสำคัญในการสังเกตพฤติกรรม ติดตามความเป็นอยู่ และเสริมสร้างความผูกพันในครอบครัว พร้อมแนะนำให้ใส่ใจสัญญาณเตือนด้านอารมณ์ พฤติกรรม กิจวัตรประจำวัน และการเข้าสังคมของเด็กและเยาวชน เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและสนับสนุนการพัฒนาทางอารมณ์และสังคมอย่างเหมาะสม
นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ช่วงปิดเทอมนอกจากจะเป็นช่วงที่เด็กและเยาวชนได้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเรียนแล้ว ยังถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ปกครองในการสังเกตพฤติกรรมและติดตามความเป็นอยู่ของลูกหลานอย่างใกล้ชิด และแบ่งเวลาทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว เพื่อเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดีและความผูกพันระหว่างพ่อแม่ลูก กรมสุขภาพจิตจึงขอแนะนำให้ผู้ปกครองสังเกตสัญญาณสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ 1. การเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์และพฤติกรรม เช่น งอแง หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า โกรธรุนแรง หรือขาดความสนใจในกิจกรรมที่เคยชอบ 2. ความผิดปกติด้านกิจวัตรประจำวัน เช่น การนอนหลับหรือรับประทานอาหารที่เปลี่ยนไป น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด หรือการละเลยการดูแลตนเอง และ 3. พฤติกรรมการเข้าสังคมและการใช้เวลาส่วนตัว เช่น แยกตัวจากครอบครัวและเพื่อน หมกมุ่นกับเกมหรือสื่อสังคมออนไลน์มากเกินไป หรือแสดงความวิตกกังวลและความเบื่อหน่ายที่ผิดปกติ หากพบสัญญาณดังกล่าว กรมสุขภาพจิตขอแนะนำให้ผู้ปกครองพูดคุยกับเด็กอย่างเปิดใจและไม่ตัดสิน
รับฟังความรู้สึกของเด็กอย่างจริงจัง และหากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีแนวโน้มรุนแรง สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตได้ทันที โดยสามารถติดต่อสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อขอคำปรึกษาและแนวทางดูแลเด็กและเยาวชนอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.สุขภาพจิต.com
นายแพทย์จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า ระยะเวลาพักผ่อนของเด็กและเยาวชน เป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ปกครองสามารถเสริมสร้างความผูกพันและเติมเต็มความรักให้กับลูกหลาน โดยเปิดโอกาสให้เด็กได้พูดคุยและแสดงความรู้สึก
อย่างเปิดเผย พร้อมที่จะรับฟังอย่างไม่ตัดสิน และใช้เหตุผลในการสื่อสารเพื่อสร้างความเชื่อใจและความเข้าใจในครอบครัว การส่งเสริมทัศนคติเชิงบวกและการชื่นชมในสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ จะช่วยให้เด็กเห็นคุณค่าในตนเอง การสอนให้เด็กรับมือกับความเครียด เช่น การนับ 1 ถึง 10 หรือการระบายความรู้สึกผ่านการเขียนหรือวาดภาพ จะช่วยให้เด็กจัดการอารมณ์ได้อย่างมีสติ กิจกรรมร่วมกันในครอบครัว เช่น การทำอาหาร ดูหนัง หรือท่องเที่ยว นอกจากสร้างความสุขแล้วยังช่วยเสริมพัฒนาการทางอารมณ์ สังคม และความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกครอบครัว ผู้ปกครองควรจำกัดเวลาการใช้หน้าจอและเน้นกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ระยะเวลาพักผ่อนนี้จึงถือเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการวางรากฐานสุขภาพจิตที่มั่นคง เพื่อให้เด็กและเยาวชนกลับสู่การเรียนด้วยพลัง ความมั่นใจ และทัศนคติเชิงบวกเต็มที่
********************
17 ตุลาคม 2568