Press ข่าววันที่ 7 ตุลาคม 2568
- วันเผยแพร่
- ฮิต: 51
กรมสุขภาพจิต แนะประชาชนดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตช่วงอุทกภัย-วาตภัย พายุบัวลอย และพายุแมตโม พร้อมย้ำอยู่เคียงข้างประชาชนทุกสถานการณ์
วันนี้ (7 ตุลาคม 2568) กรมสุขภาพจิต ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่ของประเทศจากพายุบัวลอย และพายุแมตโม พร้อมแนะนำให้ประชาชนดูแลสุขภาพกายควบคู่กับสุขภาพจิต เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อย่างปลอดภัย ติดตามประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สังเกตสัญญาณความเครียดของตนเองและคนใกล้ชิด พร้อมยึดหลัก 3 ส. เยียวยาใจ และขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมแรงร่วมใจให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่มที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดของประเทศไทย จากอิทธิพลของพายุบัวลอย และพายุแมตโม ซึ่งสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนและการดำเนินชีวิต
ของประชาชนในวงกว้าง กรมสุขภาพจิตขอแสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมขอให้ทุกคนดูแลทั้งสุขภาพกายและใจไปพร้อมกัน เนื่องจากภัยพิบัติอาจส่งผลให้เกิดความเครียด ความวิตกกังวล หรือภาวะหมดกำลังใจได้ โดยเฉพาะในกลุ่มที่สูญเสียทรัพย์สิน หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงซ้ำซ้อน กรมสุขภาพจิตขอแนะนำให้ประชาชนเตรียมใจรับมือกับสถานการณ์อย่างมีสติ ไม่ตื่นตระหนก ติดตามประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ควบคู่กับการเตรียมความพร้อมด้านร่างกายและสิ่งของจำเป็นในกรณีที่ต้องอพยพ เช่น ยาประจำตัว อาหารและน้ำสะอาด เสื้อผ้าแห้ง ไฟฉาย แบตเตอรี่สำรอง เอกสารสำคัญ และอุปกรณ์ปฐมพยาบาล รวมถึงการขนย้ายอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือสิ่งของที่อาจก่อให้เกิดอันตรายไปไว้ในที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันความสูญเสียเพิ่มเติม ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนดูแลสุขอนามัยพื้นฐาน รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ ดื่มน้ำสะอาด และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อรักษาภูมิคุ้มกันทางกายและใจให้แข็งแรง
นายแพทย์จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า ในภาวะที่ต้องเผชิญภัยพิบัติ ความเข้มแข็งทางใจคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สามารถฟื้นตัวได้เร็ว โดยประชาชนสามารถใช้หลัก “3 วิธีดูแลใจสู้ภัยน้ำท่วม” เพื่อดูแลสุขภาพจิตของตนเองและครอบครัว ได้แก่ 1. มองด้านบวก มองหาข้อดีหรือโอกาสในสถานการณ์ เช่น การได้เห็นน้ำใจ ความร่วมมือ และความเสียสละของคนในชุมชน 2. เชื่อมั่นในตัวเอง ว่าคุณสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยความอดทนและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และ 3. ขอความช่วยเหลือ เมื่อรู้สึกไม่ไหว อย่าลังเลที่จะพูดคุย ปรึกษา หรือขอการสนับสนุนจากคนรอบข้างหรือเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เพราะการสื่อสารและ การแบ่งปันความรู้สึกจะช่วยลดความเครียดและเพิ่มพลังใจได้อย่างมาก นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนสังเกตอาการเครียดของตนเอง
และคนใกล้ชิด หากพบอาการหงุดหงิดง่าย เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ หรือรู้สึกหมดหวัง ควรรีบดูแลใจตามหลัก “3 ส. เยียวยาใจ” ได้แก่ สอดส่องมองหา ผู้ที่อาจมีความเครียดหรือกำลังเผชิญความทุกข์ ใส่ใจรับฟัง อย่างเข้าใจโดยไม่ตัดสิน และ ส่งต่อเชื่อมโยง ให้เข้ารับ
การดูแลจากทีมสุขภาพจิตในพื้นที่ โดยกรมสุขภาพจิตได้จัดทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team : MCATT) เพื่อให้การช่วยเหลือทางจิตใจอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง ประชาชนสามารถประเมินสุขภาพจิตเบื้องต้นได้ที่เว็บไซต์ www.วัดใจ.com หรือขอรับคำปรึกษาจาก สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง กรมสุขภาพจิตขอขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม จิตอาสา และประชาชนในพื้นที่ ที่ร่วมมือกันช่วยเหลือและส่งต่อกำลังใจซึ่งกันและกัน กรมสุขภาพจิตยืนยันว่าจะอยู่เคียงข้างประชาชนในทุกสถานการณ์ เพื่อให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพใจที่มั่นคง แข็งแรง และสามารถก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันอย่างไม่โดดเดี่ยว
********************
7 ตุลาคม 2568