Press ข่าววันที่ 30 พฤษภาคม 2568
- วันเผยแพร่
- ฮิต: 117
กรมสุขภาพจิต เผย WHO หนุน “เดือนแห่งสุขภาพใจ” ชูไทยผู้นำด้านสุขภาพจิต พร้อมชื่นชมแพลตฟอร์มดิจิทัลดูแลใจ
วันนี้ (30 พฤษภาคม 2568) กรมสุขภาพจิต เผย องค์การอนามัยโลกสนับสนุนการจัด “เดือนแห่งสุขภาพใจ” ครั้งแรกของไทย พร้อมชื่นชมแพลตฟอร์มดิจิทัล “ต่อ-เติม-ใจ” ที่ช่วยดูแลสุขภาพจิตประชาชนในระยะเริ่มต้นของความเครียดและภาวะซึมเศร้าโดยเน้นการเข้าถึงง่ายและใช้งานได้จริง พร้อมเน้นย้ำความสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานตอนต้น เพื่อรับมือกับภาวะวิกฤตสุขภาพจิตที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย (WHO Thailand) ได้เผยแพร่ข่าวสารผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรม “เดือนแห่งสุขภาพใจ” ซึ่งรัฐบาลไทยจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่สะท้อนถึงการยอมรับในระดับนานาชาติ ถึงความก้าวหน้าของประเทศไทยในการพัฒนาระบบสุขภาพจิต ทั้งด้านนโยบายเชิงรุก กลไกความร่วมมือ และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเข้าถึงประชาชนอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะการเปิดตัวแพลตฟอร์ม “ต่อ-เติม-ใจ” ซึ่งเป็นนวัตกรรมดิจิทัลด้านสุขภาพจิตที่ออกแบบมาเพื่อให้ประชาชนสามารถประเมินสภาวะทางอารมณ์ และเข้าถึงแนวทางการดูแลตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแพลตฟอร์มดังกล่าวพัฒนาขึ้นจากความร่วมมือระหว่างกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โรงพยาบาลจิตเวชพระศรีมหาโพธิ์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี และองค์การอนามัยโลก โดยปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับบริบททางวัฒนธรรมของคนไทย ผสานองค์ความรู้ระดับสากลจากเครื่องมือ “Doing What Matters” และโปรแกรม “Step-by-Step” ขององค์การอนามัยโลก ภายใต้แนวคิดการส่งเสริมสุขภาพใจใน 3 มิติ ได้แก่ “ต่อ” การเชื่อมโยงและเพิ่มพูนความรู้ในการจัดการความเครียด “เติม” การฟื้นพลังใจและความหวัง โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า และ “ใจ” การตระหนักรู้และดูแลสุขภาพจิตใจอย่างยั่งยืน
นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า รายงานสถานการณ์สุขภาพจิตของประเทศไทย ระบุว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตด้านสุขภาพจิต ซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากแพลตฟอร์ม “Mental Health Check-in” ซึ่งเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 พบว่ามีผู้เข้าใช้งานมากกว่า 6.15 ล้านคน โดยในจำนวนดังกล่าว พบว่าร้อยละ 9.14 มีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า ร้อยละ 5.18 มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย และร้อยละ 7.87 มีระดับความเครียดอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประชาชนอายุระหว่าง 20–29 ปี เป็นกลุ่มที่แสดงความเสี่ยงสูงสุดในทุกตัวชี้วัด ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นในการเร่งดำเนินมาตรการเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานตอนต้นอย่างเป็นระบบ ในโอกาสที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้เดือนพฤษภาคมของทุกปีเป็น “เดือนแห่งสุขภาพใจ” อย่างเป็นทางการ ได้รับการยินดีและสนับสนุนจากองค์กรระหว่างประเทศ พร้อมทั้งมีข้อชื่นชมต่อโครงการพัฒนาแพลตฟอร์ม “ต่อ-เติม-ใจ” ว่าเป็นพัฒนาการที่สำคัญของประเทศไทยในการขับเคลื่อนระบบสุขภาพจิตเชิงป้องกัน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นกลไกหลักในการดูแลสุขภาพจิตในระดับครอบครัว มีจุดเด่นที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ใช้งานได้จริง และรองรับประชาชนที่อยู่ในระยะเริ่มต้นของความเครียดหรือภาวะซึมเศร้า ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาสุขภาพจิตที่รุนแรงในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
********************
30 พฤษภาคม 2568