Press ข่าววันที่ 7 กรกฎาคม 2565
- วันเผยแพร่
- ฮิต: 751
กรมสุขภาพจิต ร่วมฟื้นฟูจิตใจพนักงาน เจ เอส แอล หลังถูกเลิกจ้าง ชี้เครือข่ายแรงงานเป็นกลไกสำคัญที่จะผลักดันให้วิกฤตผ่านไป เพราะสังคมไทยไม่ทอดทิ้งกัน
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 อธิบดีกรมสุขภาพจิต มอบหมายให้นายแพทย์ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต นำทีม MCATT เข้าร่วมดูแลจิตใจ พนักงานบริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ที่เข้ายื่นหนังสือขอความช่วยเหลือให้กระทรวงแรงงานเร่งติดตามสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายแรงงานหลังถูกเลิกจ้าง พร้อมเผยเครือข่ายแรงงานเป็นกลไกสำคัญที่จะผลักดันให้วิกฤตผ่านไป เพราะสังคมไทยไม่ทอดทิ้งกัน
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เล็งเห็นถึงความทุกข์ที่เกิดขึ้นต่อพี่น้องแรงงาน และประสานงานมายังกรมสุขภาพจิตเพื่อเข้าช่วยเหลือดูแลพี่น้องแรงงานในครั้งนี้ โดยกรมสุขภาพจิตได้นำทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่ทีมเยียวยาจิตใจ หรือ MCATT มาดูแลจิตใจและให้คำปรึกษาการดูแลสุขภาพกาย สุขภาพใจ คลายความกังวล และให้กำลังใจผู้ที่ได้รับผลกระทบให้สามารถผ่านพ้นสถานการณ์ดังกล่าวไปได้ เมื่อเกิดปัญหาความมั่นคงในการทำงานขึ้นไม่ว่ากับใครก็ตาม จะทำให้คนทำงานเสียขวัญกำลังใจ ขาดแรงบันดาลใจ เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจ ไม่ไว้วางใจระหว่างสถานประกอบกิจการกับพนักงาน ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดความเครียด ซึ่งส่งผลต่อร่างกายและกิจวัตรประจำวัน เช่น การกิน การนอน และซ้ำเติมให้ภาวะเครียดเพิ่มขึ้น การดูแลสุขภาพกายและใจตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก ที่จะทำให้พนักงานที่ประสบปัญหานี้เกิดพลังทั้งกายและใจที่จะต่อสู้แก้ไขปัญหาต่อไปได้ หากสหภาพแรงงานของสถานประกอบกิจการนั้นๆมีความเข้มแข็ง เกิดการรวมกลุ่มผู้มีปัญหาคล้ายกัน เข้ามาร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกับเครือข่ายพนักงาน เจ เอส แอล ก็จะทำให้เกิดชุมชนหรือสังคมที่ประคับประคองกัน ช่วยให้ทุกคนฝ่าวิกฤตครั้งนี้ร่วมกันได้
นายแพทย์ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ถึงแม้ประเทศไทยจะเข้าสู่ช่วงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่ก็ยังมีพี่น้องแรงงานในภาคอุตสาหกรรมอีกไม่น้อยที่ยังประสบปัญหาทั้งทางกายและทางจิตใจ ทั้งจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก สูญเสียการงาน เกิดปัญหาหนี้สิน มีความเครียดและกังวล เหนื่อยล้าทางอารมณ์ รู้สึกหมดหวังหมดพลังชีวิต ซึ่งเป็นเวลากว่า 2 ปี ที่กรมสุขภาพจิตเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว และได้ประสานความร่วมมือกับ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานและธนาคารแห่งประเทศไทย พัฒนา“เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาสุขภาพแบบองค์รวม” ขึ้นเพื่อผลิตบุคลากรที่มีความรู้และทักษะในการดูแลให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกาย ใจ และการเงิน เพื่อช่วยเหลือในสถานประกอบกิจการ ซึ่งในขณะนี้หลักสูตรเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาแบบองค์รวมฯ พร้อมเสริมพลังภาคีเครือข่าย พัฒนามาตรการนโยบายและระบบสนับสนุนเครือข่าย HR เพื่อช่วยเหลือและมีทักษะในการให้คำปรึกษา พร้อมแนะนำหาทางออกทั้งด้านสุขภาพ กาย ใจ และการเงินให้กับแรงงาน โดยมีการขยายผลไปยังเขตเศรษฐกิจสำคัญอันได้แก่ ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกด้วย
กรมสุขภาพจิตขอแสดงความห่วงใยไปถึงประชาชนทุกท่าน ซึ่งหากยังมีความเครียดมาก นอนไม่หลับ ไม่สบายใจ สามารถโทรศัพท์ขอรับคำปรึกษาได้ที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
*********************** 7 กรกฎาคม 2565