Press ข่าววันนี้ 20 มิถุนายน 2568
- วันเผยแพร่
- ฮิต: 44
กรมสุขภาพจิตเตรียมความพร้อมใจประชาชนในพื้นที่ชายแดนด้วย “วัคซีนใจในชุมชน”
วันนี้ (20 มิถุนายน 2568) กรมสุขภาพจิตเผยสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย–กัมพูชา อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดน เสนอ “วัคซีนใจในชุมชน” เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางใจผ่าน 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ ความปลอดภัย ความสงบ ความหวัง และการดูแล พร้อมแนะนำให้ประชาชนรู้จักช่องทางขอความช่วยเหลือ เลือกรับข่าวสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และร่วมมือดูแลกันในชุมชน เพื่อฟื้นฟูใจอย่างยั่งยืน
นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ในการเตรียมความพร้อมของชุมชนจากสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดน ประชาชนอาจเผชิญกับความวิตกกังวล ความเครียด และความกลัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตในระยะยาว กรมสุขภาพจิตจึงได้นำแนวทาง “วัคซีนใจในชุมชน” เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางใจแก่ประชาชน โดยเสริมสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจในระดับชุมชน และส่งเสริมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในชุมชนให้เป็นกลไกสำคัญในการเฝ้าระวัง ดูแล และฟื้นฟูสุขภาพจิตอย่างยั่งยืน โดยหลักการนี้มีแนวทางหลักคือ “4 สร้าง 2 ใช้” ได้แก่ 1. การสร้างความรู้สึกปลอดภัย (Safe) ให้ประชาชนเกิดความมั่นคงทั้งทางกายและใจ 2. การสร้างความสงบ (Calm) เพื่อพัฒนาทักษะในการจัดการความเครียดและควบคุมอารมณ์ 3. การสร้างความหวัง (Hope) เพื่อส่งเสริมทัศนคติที่ดีและมองเห็นอนาคตที่สดใส แม้ในสถานการณ์วิกฤต และ 4. การสร้างความเข้าใจและดูแล (Care) เพื่อปลูกฝังความตระหนักและความรับผิดชอบในการช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งใช้ศักยภาพและสายสัมพันธ์ในชุมชนให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดูแลกันอย่างต่อเนื่อง
นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า การใช้ “วัคซีนใจในชุมชน” เป็นบทบาทสำคัญที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากคนในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้นำชุมชนที่มีบทบาทสำคัญในการพาสมาชิกในพื้นที่ก้าวข้ามสถานการณ์ตึงเครียด และฟื้นฟูความเข้มแข็งทางใจร่วมกัน แนวทางนี้จะถูกถ่ายทอดในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและนำไปปฏิบัติได้จริง โดยมีคำแนะนำชัดเจน เช่น ด้านความปลอดภัย (Safe) แนะนำให้ประชาชนรู้จักช่องทางขอความช่วยเหลือและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านความสงบ (Calm) ส่งเสริมให้เลือกรับข่าวสารจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ สังเกตอารมณ์ตนเองและคนรอบข้าง หากเครียดหรือวิตกกังวลมากให้โทรสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ด้านความหวัง (Hope) สนับสนุนให้ประชาชนรับฟัง ดูแลใจกันและกัน และเข้าร่วมกิจกรรมฟื้นฟูพลังใจในชุมชน ด้านการดูแล (Care) กระตุ้นให้หมั่นสังเกต ใส่ใจ และช่วยเหลือผู้เปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดบ้าน หรือผู้มีปัญหาสุขภาพจิต พร้อมประสานงานกับเจ้าหน้าที่เพื่อให้การดูแลมีความต่อเนื่องและเหมาะสม พร้อมทั้งมีระบบสนับสนุน คือ 2 ใช้ ได้แก่ การใช้ทรัพยากรในชุมชนอย่างเต็มศักยภาพ และการใช้ความร่วมมือของภาคีเครือข่ายในระดับพื้นที่ นอกจากนี้ กรมสุขภาพจิตได้มอบหมายให้ศูนย์สุขภาพจิตที่ 6 (โดยรับผิดชอบพื้นที่จังหวัดสระแก้ว), 9 (โดยรับผิดชอบพื้นที่จังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์) และ 10 (โดยรับผิดชอบพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษและอุบลราชธานี) ร่วมกันจัดทำแผนขับเคลื่อนแนวทางนี้ในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน และเพิ่มศักยภาพในการเฝ้าระวัง ดูแล ฟื้นฟูสุขภาพจิตของประชาชนอย่างครอบคลุมและยั่งยืน พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ
20 มิถุนายน 2568