กรมสุขภาพจิต ขอขอบคุณจังหวัดสมุทรปราการ ที่เป็นจังหวัดนำร่องแห่งแรกในประเทศ

พร้อมเดินหน้า Kick-off ดูแลจิตใจ และวัดใจไปพร้อมกัน 

Press 111164

 

                   วันนี้ (11 พฤศจิกายน 2564) กรมสุขภาพจิต ประกาศ Kick-off ปฏิบัติการเชิงรุกกดูแลจิตใจ “สุขภาพจิตไทย วัดใจไปพร้อมกัน”   จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อกระตุ้นให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของการประเมินสุขภาพจิตหรือการวัดใจตนเองอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอจนกลายเป็นหนึ่งในหลักการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ หรือ new normal                                   

                    พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติ วันที่ 1-7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาในปีนี้ กรมสุขภาพจิตจัดกิจกรรมภายใต้แนวคิด “สุขภาพจิตไทย วัดใจไปพร้อมกัน” ซึ่งได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก เราจึงขยายผลและดำเนินการจัดกิจกรรมรณรงค์อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งเดือน เพื่อกระตุ้นให้พี่น้องประชาชนหมั่นประเมินสุขภาพจิตหรือวัดใจตนเอง และคนรอบข้างอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะปัญหาด้านสุขภาพจิตที่พบได้บ่อยในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้แก่ ปัญหาความเครียด ความเสี่ยงซึมเศร้า ความเสี่ยงฆ่าตัวตาย และภาวะอ่อนล้าหมดไฟ โดยการวัดใจของตนเองนั้นทำได้โดยง่ายผ่านแพลตฟอร์ม www.วัดใจ.com ซึ่งเมื่อทราบระดับสุขภาพจิตของตนเองแล้วก็จะสามารถเข้าสู่   ช่องทางการให้ความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตได้อย่างรวดเร็ว

                     นพ.นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ในส่วนของผู้ให้บริการทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือหน่วยตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน เป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจมีความเครียดเพิ่มมากขึ้นในระหว่างการระบาดของโรคโควิด-19 จังหวัดสมุทรปราการได้ตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลสุขภาพจิตของประชาชน และบุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ จึงดำเนินการประเมินสุขภาพจิตด้วยเครื่องมือ Mental Health Check in และส่งต่อข้อมูลการประเมินสุขภาพจิตให้แก่พื้นที่เพื่อดำเนินการ วางแผนเยียวยาจิตใจต่อไป โดยมีการประเมินและดูแลสุขภาพจิตบุคลากรสาธารณสุข          ในพื้นที่ปีละ 2 ครั้ง ตลอดจนมีการออกหน่วยรถโมบายคลายเครียดสัญจรจากกรมสุขภาพจิต เพื่อประเมินภาวะสุขภาพจิตสำหรับประชาชน ให้คำปรึกษา เยียวยาจิตใจบุคลากร และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจากการคัดกรองสุขภาพจิตบุคลากรสาธารณสุข จังหวัดสมุทรปราการ เดือนกันยายน 2564 โดยแบ่งการคัดกรองดังกล่าวออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาล สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล พบว่าบุคลากรสาธารณสุขด่านหน้ามีความเครียดในระดับสูงถึงสูงมาก และมีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า

                     นายศุภมิตร ชิณศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า จากข้อมูลการประเมินสุขภาพจิตด้วย Mental Health Check in จังหวัดสมุทรปราการ พบมีผู้ที่มีความเครียดมากถึงมากที่สุด ร้อยละ 40 มีความเสี่ยง ต่อภาวะซึมเศร้า ร้อยละ 59.5 มีภาวะเสี่ยงหมดไฟ ร้อยละ 41.9 และมีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย ร้อยละ 27.2 ซึ่งจังหวัดสมุทรปราการให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิตเป็นอย่างยิ่ง โดยได้บูรณาการการสนับสนุน ช่วยเหลือทางสุขภาพจิตที่มุ่งดูแลสุขภาพจิตใจควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพกายของผู้ป่วย ผู้ที่ถูกกักตัว ประชาชนทั่วไป รวมถึงบุคลากรสาธารณสุขที่เป็นแนวหน้าของการต่อสู้กับโรคระบาด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของงานป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค การดูแลสุขภาพจิตนี้จะช่วยบรรเทาความเครียด วิตกกังวล ของครอบครัวที่ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤต ช่วยเหลือผู้ป่วยที่รักษาหายและครอบครัวของพวกเขา ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ป้องกันโรคทางจิตเวชที่อาจจะเกิดมาจากการถูกตีตรา และช่วยเหลือ ประชาชนทั่วไปให้สามารถรับมือกับสภาวะอารมณ์ด้านลบจากการต้องกักกันตนเองอยู่แต่ในบ้าน            เป็นเวลานาน เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลาบากนี้ไปด้วยกัน รวมถึงการประสานงานร่วมกับทีม Risk management ในการเผยแพร่สื่อสุขภาพจิตเพื่อเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพจิตที่อาจเกิดขึ้น

                     กิจกรรมปฏิบัติการเชิงรุกการดูแลจิตใจ “สุขภาพจิตไทย วัดใจไปพร้อมกัน” จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างวันที่ 11 – 24 พฤศจิกายน 2564 ดำเนินการโดยศูนย์สุขภาพจิตที่ 6 กรมสุขภาพจิต และโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ เพื่อรณรงค์ให้เกิดการประเมินสภาพจิตใจและ แก้ปัญหาด้านสุขภาพจิต โดยให้บริการตรวจวัดระดับความเครียดด้วยเครื่องไบโอฟีดแบ็ค (Biofeedback) หรือเครื่องวัดระดับความเครียดอัตโนมัติ ซึ่งสามารถประเมินความสมดุลระหว่างความเครียดกับความผ่อนคลาย พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำการดูแลจิตใจหรือการปฐมพยาบาลทางใจให้กับเจ้าหน้าที่และประชาชนที่พบว่าภาวะความเครียดสูงเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในอนาคต กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ คณะผู้บริหาร และบุคลากรสาธารณสุขระดับโรงพยาบาล สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล